Yearly Archives: 2019

ป้องกันฟันร้าว

ฟันร้าว เป็นลักษณะที่ฟันเกิดรอยแยก จะทำให้มีอาการปวดฟันที่ไม่สามารถบอกได้ชัดว่าเป็นซี่ใด มักจะปวดหรือเสียวเมื่อถูกความร้อน ความเย็น หรือเมื่อใช้เคี้ยว อาการปวดมักจะเป็นการปวดแปล๊บๆ พบในผู้สูงอายุ ฟันซี่ที่มักจะเกิดการร้าวได้บ่อยที่สุดคือ ฟันกรามล่าง รองลงมาคือ ฟันกรามน้อยบน และฟันกรามบน ตามลำดับ แนวร้าวที่เกิดพบได้ทั้งแนวขวางและแนวยาว หรืออาจเกิดได้ทั้งในแนวดิ่งและแนวนอน โดยอาการในระยะแรกนั้น อาจจะรู้สึกเสียวฟันเพียงเล็กน้อย ในระยะนี้การตรวจและถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์มักจะไม่พบความผิดปกติใดๆ ระยะต่อมาจึงจะเริ่มรู้สึกปวดฟัน และจะปวดมากขึ้นถ้ารอยร้าวขยายออกไป จนฟันซี่นั้นแตกอย่างสมบูรณ์ เราสามารถป้องกันฟันร้าวได้ดังนี้ – รักษาสุขภาพฟันให้แข็งแรง ด้วยการดูแลความสะอาดในช่องปาก ไม่ไห้มีโรคฟันผุ โรคเหงือก เพราะฟันที่แข็งแรงมีโอกาสร้าว จากการเคี้ยวอาหารน้อยลง – ไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คและดูแลฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน – หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็ง – หากเล่นกีฬาที่มีการกระทบกระแทก ควรใส่เมาท์การ์ดหรือฟันยางสำหรับนักกีฬา – หากมีอาการนอนกัดฟัน ก็ต้องใช้ Night guard ใส่ในเวลานอน แต่ถ้าหากมีฟันร้าวแล้วและมีอาการปวดหรือบวม ให้รับประทานยาแก้ปวดตามอาการ แล้วรีบนัดหมายเพื่อมาพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด

การจัดฟันเป็นกระบวนการรักษาทางทันตกรรม

การจัดฟันเป็นกระบวนการรักษาทางทันตกรรม ในการจัดเรียง ตำแหน่งของฟันที่อยู่เรียงตัวผิดปกติ การจัดฟันทำให้ฟันเรียงตัวอยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม และยังช่วยในเรื่องการสบกันของฟันบนกับฟันล่าง นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานและสุขภาพของช่องปากและฟันแล้ว การจัดฟันยังช่วยเพิ่มความสวยงามของฟัน ทำให้พูดหรือยิ้มได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อมีปัญหาเรื่องการจัดเรียงตัวของฟันในช่องปาก เรามาดูเหตุผลที่เราควรจัดฟัน ดังนี้ 1.ทำให้มีการสบฟันที่ถูกต้อง ส่งผลให้เคี้ยวอาหารได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 2.เมื่อเรามีฟันที่เรียงตัวสวยงามแล้ว เราก็จะสามารถทำความสะอาดฟันได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 3.ฟันเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม เสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น ยิ้มได้อย่างมั่นใจ 4.การสบฟันที่ดี สามารถช่วยในการออกเสียงได้ชัดเจน 5.เมื่อฟันเราเรียงตัวเป็นระเบียบ ทำความสะอาดง่าย ก็จะสามารถลดโอกาสในการเกิดโรคฟันผุหรือโรคเหงือกอักเสบ 6.ใบหน้าได้รูปและสัดส่วนที่สวยงาม อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่อยู่ในระหว่างการจัดฟันอยู่ การทำความสะอาดฟันจะยุ่งยากขึ้น ดังนั้น ควรทำความสะอาดฟันตามที่ทันตแพทย์แนะนำและควรตรวจฟันทุก 3-6 เดือน

อันตรายจากการจัดฟันแฟชั่น

อันตรายจากการจัดฟันแฟชั่น การจัดฟันแฟชั่น เป็นการนำเครื่องมือที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่น ไปติดในช่องปาก เพื่อเลียนแบบการจัดฟัน แต่ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ได้ผ่านขั้นตอนการจัดฟันที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ เมื่อติดเครื่องมือไปก็จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและร่างกายของเรา ดังเช่น 1.อาจเกิดการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ อาจจะไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี 2.ถ้าเกิดมีการติดเชื้อเรื่อรังเป็นเวลานานแล้ว อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ 3.มีสารพิษเจือปนอยู่ในอุปกรณ์ดัดฟันที่ไม่มีคุณภาพ 4.เกิดผลเสียโดยตรงกับฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก เช่น ทำให้ฟันมีการเรียงตัวที่ผิดปกติ เกิดฟันตาย เหงือกร่นหรือเหงือกอักเสบได้ 5.เกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบ เนื่องจากไม่ได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง 6.อุปกรณ์จัดฟันรวมถึงขั้นตอนการติดไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เครื่องมือหลุดแล้วกลืนลงคอได้ สรุปแล้ว การจัดฟันแฟชั่น ไม่ได้ทำให้เท่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอันตรายต่อฟันและอวัยวะอื่นๆที่คาดไม่ถึงติดตามมาอีกมาก จึงไม่ควรตัดสินใจที่จะจัดฟันแฟชั่นเพราะคิดเพียงแต่ต้องการความเท่ ทันสมัย เหมือนเพื่อนๆ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงสังคมไทยที่ไม่ได้พัฒนาเป็นสังคมแห่งปัญญา แต่เป็นสังคมที่มีกลุ่มบุคคลหาผลประโยชน์จากความไม่รู้ของเรา

มีความจำเป็นแค่ไหน ที่ต้องถอนฟันก่อนการจัดฟัน

มีความจำเป็นแค่ไหน ที่ต้องถอนฟันก่อนการจัดฟัน การจัดฟัน เป็นหนึ่งในวิธีการทางทันตกรรม โดยการใช้แรงเพื่อให้ฟันเกิดการเคลื่อนย้ายไปในทิศทางที่ต้องการและค่อย ๆ ขยับเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ และยังช่วยในเรื่องการสบกันของฟันบนกับฟันล่าง การจัดฟันอกจากจะเป็นประโยชน์ใช้งานและการดูแลสุขภาพของช่องปากและฟันแล้ว การจัดฟันยังช่วยเพิ่มความสวยงามของฟัน ทำให้พูดหรือยิ้มได้อย่างมั่นใจ ซึ่งในกรณีที่มีฟันห่างนั้น อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องถอนฟัน เพราะมีเนื้อที่เพียงพอให้ฟันเลื่อนเข้ามาในช่องว่าง การถอนฟันไปอาจจะทำให้ฟันหลุบเข้าไปด้านในมากเกินไปก็เป็นไปได้ ส่วนในกรณีทีฟันซ้อนเก หรือมีฟันหน้ายื่นมาก อาจจำเป็นต้องถอนฟัน เพื่อจะได้มีพื้นที่ให้ฟันที่เหลือมีการขยับเรียงตัวที่สวยงามมากขึ้น **แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ทางจัดฟัน

การแปรงฟัน

การแปรงฟัน เป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติเป็นประจำวันละ 2 ครั้งทุกเช้าและก่อนนอน โดยส่วนใหญ่แล้วอาจจะแปรงแค่ตัวฟันและเหงือกเท่านั้น เพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่อาจจะลืมไปว่าการแปรงลิ้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน และเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยก็ว่าได้ เพราะลิ้นของเราประกอบด้วยตุ่มรับรสจำนวนมากแถมด้วยร่องลึก ซึ่งเป็นที่อยู่ชั้นดีของคราบอาหารและเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และอาจเป็นที่มาของความรู้สึกว่าช่องปากไม่สะอาดหลังแปรงฟัน การทำความสะอาดลิ้นถือเป็นสุขลักษณะที่สำคัญ จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมทั้งไล่แบคทีเรีย สารพิษ เชื้อรา และเศษอาหารที่ติดอยู่บนผิวลิ้นได้ การแปรงลิ้น มีวิธีแปรงดังนี้ 1.ใช้แปรงสีฟัน ชนิดขนอ่อนนุ่ม ไม่ควรใช้แบบที่แข็งจนเกินไป หรืออาจจะหาซื้อที่แปรงลิ้นโดยเฉพาะเลยก็ได้ 2.ยืนหน้ากระจก แล้วแลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด 3.วางแปรงบนลิ้น แล้วปัดแปรงออกมาเบาๆ อย่าล้วงเข้าไปลึกจนเกินไป อาจทำอาเจียนได้ 4.แปรงจากด้านใน ออกมาด้านนอก จนทั่วทั้งลิ้น หลังจากนั้นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด 5.นอกจากการแปรงลิ้นแล้ว เราควรใช้แปรงสีฟัน แปรงเบาๆ ที่กระพุ้งแก้มด้วย

กลิ่นปาก….สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

กลิ่นปาก….สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สาเหตุของกลิ่นปาก ส่วนใหญ่เกิดจากแบคทีเรียบางชนิดที่ทำให้เกิดกลิ่นในปากเราแปรสภาพเศษอาหารตกค้างที่อยู่ตามซอกฟันเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน ที่ทำความสะอาดได้ยาก หรือในรูฟันผุ รวมทั้งแผ่นคราบฟันและหินปูนที่อยู่รอบๆ ฟัน ในกระบวนการย่อยสลายนี้เองที่ volatile sulphur compounds ถูกสร้างขึ้น ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในช่องปากของเรานั่นเอง หรือเกิดการติดเชื้อในช่องปาก แต่จริงๆแล้วก็เกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกช่องปาก 1.ปัจจัยภายนอกช่องปาก – การทานอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม ฯลฯ – การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 2.ปัจจัยภายในช่องปาก – ปัญหาจากภายในช่องปากเอง เช่น มีรูผุ มีคราบหินปูนสะสมภายในช่องปาก หรือเหงือกเป็นหนองจากโรคปริทันต์ – ปัญหาจากรอบๆบริเวณลำคอ เช่น ไซนัสอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ – โรคทางระบบต่างๆ เช่น เบาหวาน ไตวาย วัณโรค โรคปอด และโรคระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ

ฟันแท้และฟันน้ำนม

ฟันแท้และฟันน้ำนม มีความสำคัญต่อเราทุกคน ทั้งการบดเคี้ยวอาหารหรือจะเป็นด้านความสวยงาม แต่ผู้ปกครองมักจะให้ความสนใจแต่ฟันแท้ เพราะคิดว่าเป็นฟันที่อยู่กับเราตลอดชีวิต โดยมองข้ามความสำคัญของฟันน้ำนมไป ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราไม่ควรละเลยความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของฟันน้ำนม ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดีพอ เมื่อขากรรไกรมีขนาดใหญ่ขึ้นและฟันน้ำนมไม่ถูกถอนก่อนวัยอันควร ฟันแท้ที่งอกขึ้นมาใหม่จะมีโอกาสเรียงตัวได้ดีและสวยงาม แต่ถ้าฟันน้ำนมถูกถอนก่อนกำหนด จะทำให้เกิดผลเสียตามมา การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนดฟันแท้ในตำแหน่งนั้นจะขึ้น จะทำให้เกิดปัญหาตามมา ดังนี้ 1.เมื่อสูญเสียฟันหน้า อาจทำให้เด็กพูดบางคำไม่ชัดได้ 2.เมื่อสูญเสียฟันหลัง เด็กก็จะไม่มีฟันใช้เคี้ยวอาหารหรือเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด 3.การถอนฟันน้ำนมก่อนกำหนดในบางตำแหน่ง อาจจะทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมาก่อนล้มเข้าหาช่องว่างที่ถอนฟันน้ำนมไป ทำให้ฟันแท้ที่อยู่ในกระดูกขากรรไกร ไม่มีเนื้อที่ให้ขึ้นมาตรงๆได้ เกิดฟันซ้อน ฟันเกในภายหลังได้

Tea time

Tea time ชานั้นมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้มีรสฝาด พบมากในกาแฟ ชา และไวน์ ทำให้เกิดคราบเหลืองติดแน่นบนผิวฟัน การดื่มชาบ่อยๆ จะมีโอกาสให้เกิดคราบสีเหลืองเกาะติดที่แผ่นคราบน้ำลายหรือแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่เคลือบอยู่บนผิวฟัน ส่งผลให้ฟันมีสีเหลืองเข้มขึ้น เมื่อไม่ได้กำจัดออกแผ่นคราบเหล่านี้ ก็จะกลายมาเป็นหินปูนสะสมบนตัวฟันได้ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ โดย 1.ควรแปรงฟันหลังการดื่มชา 2.ควรใช้ไหมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันด้วยทุกครั้ง 3.พบทันตแพทย์ เพื่อขูดหินปูนและขัดฟัน ทุก 6-12 เดือน

ไหมขัดฟัน….ต้องใช้ทุกวัน

  การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน ให้ทั่วทุกซี่ทุกด้านนาน 2 นาที ไม่รับประทานอาหารหลังแปรงฟันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หลายคนคิดว่าเพียงพอแล้วสำหรับการดูแลสุขอนามัยภายในช่องปาก แต่การแปรงฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารที่อยู่บริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงได้ จึงต้องใช้ ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดฟันเพิ่ม อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หลังแปรงฟัน เพื่อลดการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของฟันผุ และเหงือกอักเสบโดยเฉพาะบริเวณซอกฟันและด้านข้างของฟันที่อยู่ชิดกัน ข้อควรระวัง คือ ค่อยๆ เลื่อนไหมขัดฟันไปมาเบาๆ เพื่อแทรกเข้าซอกฟัน ไม่ใช้วิธีกดไหมขัดฟันให้ผ่านเข้าซอกฟันโดยตรง ไม่ใช้ไหมขัดฟันอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้เหงือกเลือดออกเป็นแผลได้ หรือหากไหมขัดฟันฉีกขาดเมื่อผ่านซอกฟัน อาจเกิดจากฟันผุด้านข้าง หรือมีหินน้ำลาย ซึ่งควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุต่อไป ไหมขัดฟัน….ต้องใช้ทุกวัน  

วิธีการดูแลฟันและช่องปาก กรณีใส่ครอบฟัน

วิธีการดูแลฟันและช่องปาก กรณีใส่ครอบฟัน ครอบฟัน คือ ฟันเทียมติดแน่นที่ใช้ครอบหรือคลุมฟันที่เสียหายทั้งซี่ เพื่อทำให้ฟันซี่นั้นแข็งแรงขึ้น การครอบฟันนั้น มักใช้เซรามิก ซึ่งสามารถที่จะปรับสีให้ใกล้เคียงกับสีฟันปกติได้ ส่วนวัสดุอื่นๆ เช่น ทองหรือโลหะผสม จะมีความแข็งแรงมากกว่า จึงแนะนำให้ใช้ในฟันกรามที่ใช้สำหรับการบดเคี้ยว แต่ยังสามารถคงความสวยงามได้โดยการใช้เซรามิกมาปิดบริเวณด้านแก้มหรือในบริเวณที่ยิ้มแล้วสามารถมองเห็นได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ตัวครอบฟันจะคลุมฟันทั้งซี่ แต่ก็ยังมีส่วนของฟันธรรมชาติบริเวณใต้ขอบเหงือก ที่ยังสามารถจะเกิดโรคฟันผุได้เหมือนเดิม ดังนั้นเราควรที่ดูแลทำความสะอาดฟันให้ดี เพื่อให้สามารถใช้ครอบฟันได้นานยิ่งขึ้น โดยมีวิธีการดูแลดังนี้ 1.แปรงฟันให้ถูกวิธีตามคำนำนำของทันตแพทย์และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง 2.ควรใช้ไหมขัดฟันร่วมกับการแปรงฟันทุกครั้ง หรืออย่างน้อยควรใช้หลังการแปรงฟันในตอนเย็น 3.ไม่ควรใช้ไหมขัดฟันโดยใช้แรงมากเกินไป อาจจะทำอันตรายต่อเหงือกได้ 4.ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 5.หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเหนียวหรือแข็ง บริเวณที่ใส่ครอบฟัน 6.ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด 7.พบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน

ย้อนกลับด้านบน