การฟอกฟันขาว (Tooth whitening)

การฟอกฟันขาว (Tooth whitening)

%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%99

การฟอกฟันขาว คือวิธีการทำให้ฟันมีสีขาวขึ้น พร้อมขจัดคราบต่าง ๆ ที่อยู่บนผิวฟันออกไป ซึ่งการฟอกฟันขาวนี้ นับว่าเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากในด้านทันตกรรมเพื่อเสริมความงาม เพราะเป็นวิธีที่สำมารถทำให้ฟันดูขาวสะอาด สวยงามขึ้นได้จริง

การฟอกฟันขาวนั้น ไม่ใช่ว่าทำแล้วจะสำเร็จได้ผลตามที่ต้องการในครั้งเดียว แต่ต้องใช้เวลา และต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ รวมทั้งต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การมีสีตามธรรมชาติของฟันเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับผิวฟัน ยีนที่ส่งผลต่อความหนา ความเรียบรื่นของผิวฟัน และเนื้อฟันภายใต้ผิวฟัน หากผิวฟันบางก็จะทำให้สีของเนื้อฟันปรากฏออกมากมากขึ้น ส่วนความเรียบหรือความหยาบของผิวฟัน จะมีผลต่อแสงที่สะท้อนจากผิวฟัน ทำให้เห็นเป็นความมันวาวออกมา นอกจากนี้ การชีวิตประจำวันของเรา ก็มีผลต่อสีของฟันเช่นกัน เพราะเคลือบฟันนั้น มีคราบเกาะติดได้ง่าย และสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ฟันเป็นสีเหลือง หรือมีคราบติด ก็คือ

  • การสูบบุหรี่
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม และไวน์แดง
  • ไม่ดูแลรักษาความสะอาดและสุขภาพของฟัน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุมาก ฟันจะมีความเป็นประกายเงางามน้อยลง เพราะผิวฟันบางลง และเนื้อฟันด้านใน ก็มีสีเข้มขึ้น
  • และในบางกรณี ฟันอาจมีสีเข้ม เนื่องตากมีคราบอยู่ด้านใน เรียกว่า Intrinsic stains อาจเกิดจาการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในวัยเด็ก ซึ่งเป็นช่วงที่พันกำลังพัฒนา รวมทั้งการใช้ยาแอนตี้ไบโอติก เตตร้าไซคลิน ด้วย แต่ทั้งนี้ การฟอกฟันขาว จะให้ผลดีในกรณีการขจัดคราบที่ผิวฟันภายนอกมากกว่า

ในการที่จะฟอกสีฟันนั้น ควรพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจเช็คก่อน เพราะถ้าฟันมีปัญหาบางอย่าง อาจจะทำให้การฟอกฟันขาวนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ เช่น หากมีฟันผุ ก็ต้องรักษาฟันผุก่อนการฟอกสีฟัน ไม่เช่นนั้น สิ่งที่ใช้ในระหว่างการฟอกสี อาจจะผ่านเข้าไปในจุดที่ฟันผุ และส่งผลกระทบต่อฟันด้านในได้ หากมีอาการเหงือกร่น จนส่งให้ฟันสีเข้มมาก การฟอกสีฟัน ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้ฟันขาวขึ้นมาได้มากเท่าที่ต้องการนัก ยิ่งไปกว่านั้น หากมีฟันผุ หรือเหงือกร่น การฟอกฟันขาวอาจจะทำให้ฟันเกิดอาการไวต่อความรู้สึก นอกจากนี้ การฟอกฟันขาว ไม่สามารถใช้ได้กับผู้ที่ผ่านการเคลือบผิวฟัน หรือครอบฟันด้วยเซรามิค หรือพอร์ซเลน

 

การฟอกฟันขาว สามารถทำได้ ทั้งที่บ้าน และที่คลินิค ซึ่งมีวิธีการดังนี้

  1. การฟอกฟันขาวที่คลินิก

%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%991

  • เริ่มแรก ทันตแพทย์อาจจะถ่ายภาพฟันก่อนการฟอกไว้ก่อน ซึ่งจะช่วยให้คนไข้ เห็นผลการรักษาได้ชัดเจน จากนั้น ทันตแพทย์จะตรวจฟัน และสอบถามพฤติกรรม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดคราบ ตามมาด้วยการทำความสะอาดฟัน ขจัดเศษอาหารและคราบที่เกิดจากการก่อตัวของแบคทีเรีย เมื่อทำความสะอาดแล้ว จึงเข้าสู่ขั้นของการฟอกฟันขาว

 

  1. การฟอกฟันขาวแบบทำเองที่บ้าน

%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%992

%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%993

 

ทันตแพทย์จะทำถาดฟันที่พอดีกับปากและฟัน เพื่อใช้สำหรับใส่เจลฟอกสี ซึ่งการทำที่บ้านนี้ ต้องทำทุกวันต่อเนื่องไปเป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งจริง ๆ แล้วปัจจุบันนี้ มีชุดอุปกรณ์พร้อมทำวางจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก แต่ถาดฟันนั้นเป็นถาดทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ทำขึ้นมาเฉพาะรายบุคคล จึงไม่พอเหมาะพอดี เหมือนถาดฟันที่ได้รับมาจากทันตแพทย์ และแม้ว่าจะเลือกซื้อชุดฟอกฟันขาวมาทำเอง แต่ก็ควรพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ และหลีกเลี้ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

 

วิธีการที่ใช้ในการฟอกฟันขาว โดยทั่ว ๆ ไปจะสามารถฟอกได้ ทั้งฟันที่ยังมีเส้นประสาท (Vital whitening) และฟันที่ไม่มีเส้นประสาทแล้ว (Non-vital whitening) ซึ่งทั้งสองกรณีจะมีวิธีการต่างกัน

การฟอกฟันขาว สำหรับ Vital Whitening

การฟอกฟันขาวสำหรับกรณีนี้ มักจะใช้เจล ที่มีส่วนประกอบของไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ เป็นตัวฟอกสีที่ฟันโดยตรง สามารถทำได้ทั้งที่บ้านและที่คลินิค แต่การทำที่คลินิคนั้น ทันตแพทย์ สามารถจะเลือกใช้เจลที่มีความเข้มข้นมากกว่า นอกจากนี้ จะมีการใช้แสงหรือเลเซอร์เข้าช่วย ซึ่งจะทำให้เห็นผลได้เร็วขึ้น โดยจะใช้เวลาครั้งละ 30-90 นาที และต้องมาฟอกประมาณ 1-3 ครั้ง จำนวนครั้งมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับวิธีการ คราบฟัน และความขาวของสีฟันที่ผู้ฟอกต้องการ

 

ส่วนการฟอกที่บ้านนั้น จะต้องใช้เจล และใส่ถาดฟันที่ทันตแพทย์เตรียมไว้ให้วันละหลายชั่วโมง แต่ละคนจะใช้เวลาต่างกัน แต่จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์ แต่จะยังคงต้องทำต่อไปอีกประมาณ 4 สัปดาห์ หรืออาจจะนานกว่านั้น

 

การฟอกฟันขาวสำหรับ Non-Vital Whitening

กรณีนี้ ทันตแพทย์ต้องใช้วิธีการที่ต่างกับกรณีแรก เพราะต้องฟอกสีฟันด้านจากด้านใน อาจจะต้องมีการติดอุปกรณ์ชั่วคราวลงไปบนฟันซี่นั้น และทิ้งไว้หลายวัน ซึ่งบางคน อาจจะทำแค่ครั้งเดียว บางคนต้องมาทำซ้ำ เพื่อให้ได้ผลที่พึงพอใจ

 

ทั้งนี้ เมื่อผ่านกระบวนการฟอกฟันขาว จนได้รับความพึงพอใจแล้ว หากพบความผิดปกติ เช่น เหงือกซีด หรือมีอาการเจ็บปวด ต้องเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจเช็ค นอกจากนี้ ผู้ฟอกฟันขาว ต้องเข้าใจว่า กระบวนการฟอกฟันขาวนี้ ไม่ใช้สิ่งที่ทำแล้วจะให้ผลถาวร คราบสกปรก และสีของฟัน อาจจะเปลี่ยนไปอีกได้ หากสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่ม และรับประทานอาหารที่มีสีเข้ม บางรายหลังฟอกไปแล้ว ฟันกลับมามีสีเข้มอีก ในเวลาไม่ถึงเดือน บางราย ก็ต้องกลับมาทำใหม่ ในเวลา 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และการดูแลรักษา แต่การทำซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการทำเองที่บ้าน หรือที่คลินิค ก็ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเสมอ เพราะการฟอกฟันขาวนั้น ก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ทำให้ฟันมีความไวต่อความรู้สึกมากขึ้น เกิดความระคายเคืองต่อเหงือก และที่สำคัญ ไม่ควรฟอกฟันขาว ในขณะตั้งครรภ์ เพราะส่วนประกอบบางอย่างที่นำมาใช้ อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ที่กำลังฟัฒนาได้

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ย้อนกลับด้านบน